คายอ้อ เป็นหนังดราม่าสยองขวัญเชิงความเชื่อพื้นบ้านอีสาน (Folk Horror Drama) ผสมผสานกับโทนหนัง Slow Burn Horror ที่เน้นการสร้างบรรยากาศอึมครึม ตึงเครียด ค่อย ๆ เปิดเผยความลี้ลับและความสยองไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดไคลแมกซ์ หนังยังคงความสมจริงผ่านวิถีชีวิตของคนอีสาน ถ่ายทอดพิธีกรรม ความศรัทธา และความสัมพันธ์ของคนในชุมชน ตัวหนังจึงไม่ใช่แค่ “หนังผี” แต่ยังสะท้อนความเชื่อ วัฒนธรรม และความเปราะบางของมนุษย์ต่อสิ่งที่มองไม่เห็น โทนใกล้เคียงกับ The Medium (ร่างทรง) ผสมกับ Hereditary แต่แฝงความเป็นอีสานแท้ ๆ ผ่านหมอลำ เพลง พิธีกรรม และความเชื่อ
เรื่องราวเริ่มขึ้นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดยโสธร ที่นี่มีคณะหมอลำชื่อ “เสียงศรัทธา” ที่กำลังได้รับความนิยม คณะนี้มี พ่อแสง (หัวหน้าคณะ, หมอลำผู้เฒ่า), แม่คำ (ภรรยาและเป็นคนดูแลเครื่องบูชา), และเหล่าลูกศิษย์หมอลำหนุ่มสาวหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ชัย ชายหนุ่มวัย 25 ปี รูปหล่อ เสียงดี มีความทะเยอทะยานอยากเป็นพระเอกหมอลำที่ดังระดับประเทศ คืนหนึ่งคณะหมอลำกำลังจะออกเดินสายการแสดง พ่อแสงจึงประกาศว่าจะทำพิธีคายอ้อเพื่อบูชาครูบาอาจารย์ และขอให้การแสดงราบรื่นปลอดภัย พิธีจัดขึ้นกลางลานบ้าน มีการนำอ้อคือเครื่องบูชา เช่น หมาก พลู เหล้า บุหรี่ ไก่ต้ม ดอกไม้ ธูปเทียน มาจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทุกคนแต่งชุดขาวนั่งรอบวง เสียงแคนแผ่วเบาดังคลอเป็นฉากหลัง พ่อแสงกล่าวว่า:“การเป็นหมอลำ บ่แม่นแค่เสียงเพราะหรือการแสดง แต่เฮาต้องมีศรัทธาในครูบาอาจารย์ หากผู้ใดบ่เคารพ จะมีอันเป็นไป” ชัยมองพิธีด้วยสายตากึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เขาเห็นว่าเป็นเรื่องโบราณที่ไม่จำเป็นนัก แต่เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ เขาก็ทำตามพิธีไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
หลังพิธีคายอ้อเสร็จ คณะหมอลำเดินสายไปตามหมู่บ้าน ผู้คนต่างชื่นชอบเสียงร้องของชัย เขากลายเป็นดาวรุ่งจนมีแฟนคลับตามมาฟังหลายคนชัยเริ่มหลงตัวเองและเริ่มดูหมิ่นความเชื่อดั้งเดิม วันหนึ่งหลังการแสดง เขาหยิบเหล้าที่ใช้ในพิธีคายอ้อมาดื่มเล่นกับเพื่อน ๆ และพูดเย้ยว่า:“ไผสิกลัวของพวกนี้ บ่มีผีมีครูหยังดอก มันกะเหล้าธรรมดานี่หละ”คำพูดนั้นทำให้แม่คำหญิงชราผู้ศรัทธาสั่นสะท้าน เธอเตือนชัยว่าอย่าพูดลบหลู่ แต่ชัยหัวเราะขำและเดินจากไป จากนั้นคณะหมอลำก็เจอเรื่องประหลาด เวทีล้มระหว่างแสดงไมค์ดับโดยไม่มีเหตุผล ไฟเวทีเกิดช็อตจนมีคนเจ็บเล็กน้อย ทุกคนเริ่มเชื่อว่าเป็นเพราะชัยลบหลู่ครู ชัยกลับไม่สนใจเขายิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้น และเริ่มมีปัญหากับพ่อแสงที่พยายามคุมเขาให้ทำตามขนบธรรมเนียม ชัยคิดจะออกไปตั้งคณะหมอลำของตนเอง
คืนหนึ่งคณะหมอลำต้องเดินทางไปแสดงที่งานบุญใหญ่ พ่อแสงจึงขอให้ทุกคนทำพิธีคายอ้ออีกครั้งเพื่อความปลอดภัย แต่ชัยไม่เข้าร่วม เขาเลือกนั่งดื่มเหล้าอยู่หลังเวที ระหว่างพิธี เสียงลมพัดแรงผิดปกติ ธูปเทียนดับพร้อมกัน พ่อแสงมีสีหน้าเคร่งเครียดและกล่าวว่า “มีผู้บ่ศรัทธาในหมู่เฮา ครูใหญ่กำลังโกรธ”คืนนั้นระหว่างการแสดง ชัยร้องเพลงอยู่บนเวที ทันใดนั้นเขาเริ่มไอหนัก เลือดทะลักออกจากปากต่อหน้าผู้ชมทั้งเวที เสียงแคนหยุดกะทันหัน ผู้คนแตกตื่น ชัยล้มลงและชักเกร็ง ก่อนจะสิ้นใจอย่างสยดสยอง ศพของชัยถูกนำมาวางไว้ที่บ้าน แต่ชาวบ้านเล่าลือว่าตอนกลางคืนได้ยินเสียงหมอลำดังแว่วจากศพ เสียงคล้ายชัยกำลังร้องเพลง
เพื่อยุติเรื่องราวสยอง พ่อแสงตัดสินใจทำพิธีคายอ้อครั้งใหญ่ โดยเชิญหมอผีและหมอลำจากหมู่บ้านอื่นมาช่วย เขานำของบูชามากมาย ทั้งควายดำ เหล้า บุหรี่ ดอกไม้ และธูปเทียนนับร้อยเล่ม ระหว่างพิธีเสียงลมแรงพัดจนศาลาพังบางส่วน ไฟดับ เหลือเพียงแสงเทียน พ่อแสงเริ่มขับหมอลำบทพิเศษเพื่ออัญเชิญครูบาอาจารย์มาคุ้มครอง แต่เสียงของชัยดังแทรกขึ้นราวกับมาจากใต้ดิน ชัยปรากฏกายขึ้นในสภาพเน่าเปื่อย เลือดไหลนองปาก เขาร้องหมอลำบทเศร้าเล่าถึงความทะเยอทะยาน ความหลงตัวเอง และการลบหลู่ที่นำไปสู่ความตาย สุดท้ายพ่อแสงตัดสินใจถวายชีวิตตนเองต่อครู เขาเอามีดกรีดแขนตนเพื่อเป็นเครื่องบูชา เลือดไหลลงบนเครื่องอ้อ เสียงชัยค่อย ๆ เงียบลง ร่างวิญญาณสลายหายไป
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์ (Kayaor)
คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์ (Kayaor) หนังเล่าเรื่องราวของความศรัทธาในพิธีกรรมอีสาน (คายอ้อ) ที่ถูกลบหลู่จนก่อเกิดอาถรรพ์สยอง เหมือนเป็นการผสมผสาน ดราม่าชีวิตของคณะหมอลำเข้ากับความสยองหลอนแบบวิญญาณพื้นบ้าน ใช้เสียงหมอลำ แคน กลองโปงลาง เป็นตัวสร้างบรรยากาศหลอน คลอเบา ๆ ตอนกลางคืนราวกับเสียงวิญญาณ การถ่ายภาพใช้โทนหม่น สีน้ำตาลซีเปีย เขียวหม่น เทาเข้ม สะท้อนความแห้งแล้งของชนบทอีสานและความเวิ้งว้างที่น่ากลัว
สรุปรีวิวหนัง คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์ (Kayaor)
คายอ้อถ่ายทอดเรื่องราวคณะหมอลำที่ทำพิธีบูชาครูตามความเชื่ออีสาน แต่ชัย หนุ่มหมอลำผู้ทะเยอทะยานกลับลบหลู่พิธี จนต้องพบจุดจบสยอง ความตายของเขากลายเป็นอาถรรพ์ที่ตามหลอกหลอนทั้งคณะ พ่อแสงหัวหน้าคณะต้องสละชีวิตเพื่อหยุดยั้งเหตุร้าย แก่นของเรื่องคือการสะท้อนคุณค่าของ “ความศรัทธาและความกตัญญู” ต่อครูบาอาจารย์ในวิถีหมอลำอีสาน พร้อมตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อดั้งเดิมกับความทะเยอทะยานของคนรุ่นใหม่ หนังสไตล์ Folk Horror ที่เล่นกับบรรยากาศช้า ๆ หนักแน่น สอดแทรกเพลงหมอลำ เสียงดนตรีพื้นบ้าน และภาพพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ สร้างความหลอนแบบฝังลึกในใจผู้ชม